การทำ PT Test ใน Plate Heat Exchanger

การทำ PT test ใน Plate Heat Exchanger

PT มีชื่อเหนึ่งในขบวนการ Service Plate Heat Exchanger ก็คือการทำ PT TEST เพื่อทดสอบหารอยรั่วของแผ่น เรามาทำความรู้จัก PT Test กันครับ

 PT มีชื่อเต็มๆว่า Penetrant testing ซึ่งหลักการคือ สารแทรกซึมนั้นสามารถซึมเข้ารูหรือที่แคบๆที่เป็นรอยร้าวขนาดเล็กได้ ซึ่งสามารถใช้ได้ดีกับชิ้นงานที่เป็นโลหะ แต่สำหรับอโลหะก็ทำได้เช่นเดียวกันนะครับ โดยจะใช้น้ำยาแทรกซึมต่างๆครับ
การทำ PT ถือเป็นกระบวนการทดสอบแบบไม่ทำลาย หรือ NDT (Non-destructive testing) วิธีหนึ่งครับ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบแบบ PT นี้ถือเป็นวิธีนิยมใช้มากที่สุด
เพราะข้อดีของการทำ PT มีมากมายเช่น สามารถ apply ใช้ได้หลากหลายงานซึ่งรูปร่างของวัสดุไม่ได้เป็นข้อจำกัดในการทดสอบ ,ระยะการตรวจสอบเวลาที่รวดเร็ว เข้าถึงหน้างานได้ง่ายครับ และราคาไม่แพง

 

ขั้นตอนการทำ PT ใน Plate Heat Exchanger

สำหรับขั้นตอนการทำ PTใน Plate Heat Exchanger หรือการตรวจสอบโดยใช้สารแทรกซึมบนชิ้นงาน
โดยเราจะมีกระป๋องอยู่ 3 กระป๋องหลักๆคือ
1.
กระป๋อง Cleaner ไว้สำหรับทำความสะอาด Plate Heat Exchangerก่อนเริ่มทำการตรวจสอบชิ้นงาน โดยในกระป๋องจะมีทั้ง Cleaner ที่เป็นตัวทำความสะอาดทั่วๆไป และ Remover ที่เป็นสาร solvent ไว้สำหรับชะล้างสารแทรกซึมส่วนเกิน (ตามขั้นตอนที่ 3 ด้านล่าง) ซึ่งหมายความว่าเราจะไม่สามารถใช้สาร Cleaner ทั่วๆไปสำหรับทำความสะอาดในงานตรวจสอบ PT ได้ครับ
2.
กระป๋อง Penetrant หรือกระป๋องน้ำยาแทรกซึม เอาไว้ลงสารแทรกซึมไปบน Plate Heat Exchanger เพื่อหาความเสียหายที่เกิดขึ้น มีทั้งแบบมองเห็นด้วยแสงสว่าง (Visible penetrant) และ แบบเรืองแสง (Fluorescent penetrant)
3.
กระป๋อง Developer หมายถึง สารที่ใช้สำหรับดูดซึมน้ำยาแทรกซึมออกจากข้อบกพร่องของ Plate  และมีหน้าที่สำหรับการดังสารแทรกซึมขึ้นมาจากรอยแตกผ่านจากด้านหน้า เพื่อให้ตรวจได้ด้วยสายตาครับ โดยมีคุณสมบัติแขวนลอยอยู่ในตัวทำละลายที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำอยู่ (No aqueous wet developer)
โดยชุดน้ำยา PT นั้นจะต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตาม ASTM E165 หรือ EN ISO 3452-2 หรือมาตราฐานแห่งชาติอื่นๆหรือเทียบเท่า และจะต้องถูกเก็บไว้ที่เหมาะสมตามข้อแนะนำของผู้ผลิตครับ
สำหรับเรื่องผ้าที่ใช้ทำความสะอาดเราก็ไม่สามารถมองข้ามได้เช่นเดียวกัน โดยไม่ควรเป็นขุ่ย หรือมีขน เพราะอาจะทำให้สิ่งสกปรก หรือตัวเศษผ้าไปทำให้ชิ้นงานไม่สะอาดครับ

โดยจะมีขั้นตอนการทำงานสำหรับการตรวจสอบโดยใช้สารแทรกซึม
ผมขอแบ่งได้ออกเป็น 6 ขั้นตอนหลักๆคือ
โดยก่อนอื่นชิ้นงานต้องแห้ง และอุณหภูมิของชิ้นงานควรอยู่ประมาณ 10-52 องศาเซลเซียส หากไม่อยู่ในช่วงนี้อาจจะต้องมีแท่งประเทียบมาตราฐาน
และควรมีแสงสว่างเพียงพอ (ประมาณ 1000 lux)
1. ทำความสะอาดแผ่น Plate Heat Exchanger ไม่ให้มีสิ่งสกปรกตกข้างอยู่ (Pre cleaning) โดยใช้สาร Cleaner โดยมีระยะแนะนำประมาณ 2″ และเช็ดทำความสะอาดออกหรือสารทำความสะอาดอื่นที่เหมาะสมตามคราบสิ่งสกปรก เช่น
Detergent
2. ทำการลงสารแทรกซึมเข้าไปที่ชิ้นงาน หรือน้ำยา Penetrant โดยมีระยะพ่นประมาณ 3″ และควรจะต้องทิ้งระยะเวลาให้สารแทรกซึม ซึมเข้าไปประมาณ 5 นาทีขึ้นไป (Dwell Time)

3. ทำการเช็ดสารแทรกซึมออก เพราะฉะนั้นจะเหลือสารแทรกซึมที่ยังค้างอยู่ในรอยเสียหายของแผ่น Plate
4. ลงสาร developer ซึ่งจะเป็นตัวดึงสารแทรกซึมออกมา เพื่อให้เราเห็นความเสียหายของแผ่น Plate Heat Exchanger โดยมีระยะพ่นประมาณ 1 ฟุต หรือ 12 “

5. ทำการตรวจสอบโดย visual inspection หรือการตรวจสอบด้วยสายตา โดยผู้ที่มี certified PT

6. ทำการทำความสะอาดชิ้นงาน (Post cleaning)

 

ชนิดของสารแทรกซึม

สารแทรกซึมที่ถูกนำมาใช้ในงานตรวจสอบ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ตามชนิดของการมองเห็นคือ
1.
สารแทรกซึมชนิดวาวแสง (Fluorescent dye)
เป็นสารแทรกซึมวาวแสง หรือเรืองแสง ที่จะมองได้เห็นภายใต้แสงแบล็กไลท์ (Black light) เท่านั้นครับ

โดยสีที่เห็นมักจะเป็นสีเขียว ไม่ก็สีเหลืองซึ่งจะมีความยาวคลื่น 200 – 400 nm ซึ่งช่วงนี้จะเป็นอันตรายต่อผิวหนัง และสายตาของคนเราครับ
ดังนั้นจึงใช้ตัวกรองแสงช่วงความยาวคลื่นที่เป็น UV ออกเหลือแค่ 320-400 nm ครับ
และหลังจากเราลงน้ำยาแทรกซึมแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็ใช้สาร develop ดึงสารแทรกซึมออกมาตามปกติ หลังจากนั้นเราจะต้องใช้แสง Black light ส่องเข้าไปที่ชิ้นงานเพื่อดูความเสียหาย หรือความไม่ต่อเนื่องของชิ้นงานครับ
โดยตามข้อกำหนดมาตราฐานสากลของ ASME section V กำหนดไว้ว่าความเข้มของสาร Blacklight จะต้องไม่เกิน 1,000 μW/cm2 และไม่น้อยกว่า 12 W/m2 ตาม มอก.1324
โดยไส้ในหลอด Blacklight จะต้องถูกอุ่นก่อนอย่างน้อย 5 นาที และผู้ตรวจสอบก็ต้องปรับสายตาก่อนไปทดสอบ 5 นาทีด้วยเช่นกัน

 

2. สารแทรกซึมแบบมองเห็นด้วยตาเปล่า (Visible Penetrant)
เป็นสารแทรกซึมชนิดมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยปกติสีจะตัดกับสีของ developer ครับ โดยทั่วๆไป สีของสารแทรกซึมจะเป็นสีแดง และสีของ developer สีขาว โดยความสว่างสำหรับในการมองเห็นควรมากกว่า 1,000 ลักซ์ โดยความไว หรือ Sensitivity ของการทดสอบแบบมองเห็นด้วยตาเปล่าจะช้ากว่าแบบสารแทรกซึมแบบเรืองแสงครับ แต่เรื่องความสะดวกในหน้างานสารแทรกซึมแบบมองเห็นด้วยตาเปล่ากินขาดครับ เนื่องจากไม่ต้องทำในที่มืด และชนิดนี้ถือเป็นที่นิยมที่สุดครับ
ส่วนวีดีโอของการตรวจสอบด้วยสารแทรกซึมแบบมองเห็นดูตามวีดีโอขั้นตอนการทำ PT ได้เลยครับผม